❤งานดิเรกของแนนคือ อ่านนิยายทำให้
- การอ่านหนังสือจะเป็นการกระตุ้นการทำงานของสมอง ช่วยพัฒนาเรื่องการจำ รวมถึงชะลอและป้องกันการเป็นโรคอัลไซเมอร์ได้
- ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย ลดความเครียดต่าง ๆ ที่กำลังเผชิญ และช่วยให้มีสมาธิจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้ดีขึ้น
- มีทักษะในการสื่อสารที่ดีขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับการทำงานและการใช้ชีวิตประจำวันทั่วไป
- หนังสือบางประเภทช่วยให้เราสามารถฝึกฝนทักษะในการคิดเชิงวิเคราะห์ได้
อ้างอิง www.jobthai.com/REACH/lifestyle
❤อย่างที่สอง คือ ฟังเพลงทำให้
1.ดนตรีรักษาโรค
ดนตรีบำบัด หรือ “Music Therapy” เป็นการใช้ดนตรีควบคู่กับการรักษาทางการแพทย์ เพื่อพัฒนาทักษะทางด้านสังคม จิตใจ และร่างกาย โดยมีการบำบัดทั้งด้านการฟัง เพื่อลดความวิตกกังวล และด้านการร้อง การเต้น เพื่อฝึกการสื่อสาร เหมาะกับเด็กที่มีพัฒนาการล่าช้า ผู้มีปัญหาทางด้านสมองและอารมณ์ ผู้ที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า รวมไปถึงผู้สูงอายุที่เป็นโรคอัลไซเมอร์ด้วยนอกจากนี้ดนตรีบำบัดยังเป็นยาบรรเทาปวดชั้นดีของผู้ที่เข้ารับการผ่าตัด หากผู้ป่วยฟังเพลงก่อนและหลัง หรือ ระหว่างการผ่าตัด จะส่งผลให้พวกเค้ามีความเจ็บปวดที่น้อยลง
2.คลายเครียด เพิ่มอารมณ์ดี
ดนตรีมีผลอย่างลึกซึ้งต่อร่างกายและเพิ่มพลังบวกให้จิตใจ การฟังเพลงเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยลดความเครียด ความกดดัน และความวิตกกังวล คลื่นสมองและอัตราการเต้นของหัวใจทำงานประสานกับจังหวะของเพลง ทำให้ร่างกายผ่อนคลาย การหายใจช้าลง ลดการทำงานของสมอง และลดความดันโลหิต ส่งผลให้สภาพจิตดีขึ้น
3.มีแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์
ดนตรีเป็นส่วนพัฒนาสมอง ทำให้สมองซีกซ้ายและซีกขวาทำงานอย่างสมดุล ดังนั้นสมองจะผ่อนคลาย ผู้ฟังจะปล่อยความคิดและจินตนาการไปตามเพลง ซึ่งเป็นผลดีกับสมองซีกขวา และยังช่วยกระตุ้นการทำงานของสมองซีกซ้ายให้ตื่นตัวอีกด้วย การใช้ดนตรีเป็นสื่อการเรียนรู้ให้กับเด็กๆ ทั้งการฟัง การร้อง การเคลื่อนไหวประกอบจังหวะ และการเล่นดนตรี จะส่งผลให้เด็กมีแรงบันดาลใจที่จะริเริ่มสร้างสรรค์ ความคิดลื่นไหล และเป็นตัวสร้างเสริมจินตนาการของพวกเค้าได้ดี
4.เล่นดนตรีเพิ่มทักษะความจำ
คนที่มีความสามารถในการเล่นดนตรีชนิดใดชนิดหนึ่ง มีแนวโน้มที่จะมีประสิทธิภาพการทำงานของสมองได้ยาวนานกว่าคนที่เล่นดนตรีไม่เป็นเลย แถมพวกเค้ายังมีทักษะแยกแยะและตอบสนองต่อเสียงได้อย่างดี โดยสามารถรู้ได้เลยว่าเสียงที่ได้ยินเป็นเครื่องดนตรีหรือโน้ตอะไร พูดได้ว่าการเล่นดนตรีเทียบเท่ากับการออกกำลังกาย เพราะสมองจะจัดการข้อมูลต่างๆ พร้อมๆกัน ด้วยความประณีต และเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกันด้วยความรวดเร็ว เป็นการเพิ่มปริมาณและกิจกรรมในส่วน corpus callosum ซึ่งเป็นตัวเชื่อมสมองซีกซ้ายและซีกขวาเข้าด้วยกัน ทำให้นักดนตรีส่วนใหญ่มีความจำดีและเรียกใช้ความจำได้เร็ว สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพและสร้างสรรค์กว่าคนอื่นๆ
5.หลับสบายยิ่งขึ้น
อาการนอนไม่หลับหรืออาการนอนหลับไม่สนิท ล้วนเกิดจากการทำงานของสมอง เมื่อเรายิ่งเครียดจะทำให้คลื่นสมองของเรามีความถี่สูงขึ้น ทำให้เราอยู่ในภาวะที่รู้สึกตัว ส่งผลให้สมองไม่หยุดคิดหรือนอนไม่หลับนั่นเอง เสียงดนตรีจะช่วยเปลี่ยนแปลงคลื่นสมองได้ ดังนั้นการฟังดนตรีบรรเลงเบาๆ ช้าๆ ไม่มีเสียงร้อง อย่างดนตรีคลาสสิค จะส่งผลให้การเต้นของหัวใจลดลง ทำให้หลับเต็มอิ่มขึ้น
6.มีสมาธิในการทำงานมากขึ้น
เมื่อได้ฟังเพลงจังหวะช้าๆ เพลงคลาสสิค รวมไปถึงเสียงน้ำไหลและเสียงฝน จะทำให้จิตใจเราผ่อนคลายลง สามารถช่วยให้เราโฟกัสกับสิ่งต่างๆได้ดียิ่งขึ้น ส่วนเพลงที่มีจังหวะสนุกๆ ก็สามารถทำให้รามีสมาธิในการทำงานได้เหมือนกันเพราะมีนักวิจัยพบว่า การฟังเพลงแนวอิเล็กทรอนิกส์ที่มีไดนามิกขึ้นลงสลับไปมาทำให้เราทำงานท่ามกลางแรงกดดันได้เป็นอย่างดี
7.อกหัก รักคุด มาฟังเพลงกันเถอะ
มีนักวิจัยค้นพบว่า ผู้ที่พบเจอเรื่องผิดหวัง เสียใจ ท้อแท้ในชีวิต รวมถึงคนที่อกหัก ควรฟังเพลงแนวเมทัล เนื่องจากเป็นเพลงที่มีดนตรีค่อนข้างหนัก สามารถทำให้ผู้ฟังรู้สึกกระฉับกระเฉง และได้ปลดปล่อยความรู้สึกด้านลบอย่างเต็มที่
อ้างอิง https://goodlifeupdate.com
อ้างอิง https://goodlifeupdate.com


ว้าววว
ตอบลบว๊าวว้าวว่าววว
ตอบลบว้าววว
ตอบลบwow
ตอบลบว้าว
ตอบลบว้าว
ตอบลบ